ผู้นำคนดัง
ตัน ไม่ตัน ...กับคุณตัน ภาสกรนที
คุณตัน ภาสกรนที นักธุรกิจชื่อดังที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจหลายๆด้าน เขาจัดอยู่ในประเภท Succeeder : ผู้นำที่ประสบความสำเร็จ มีความมั่นใจ ความมุ่งมั่นสูง รับผิดชอบ ทุ่มเทในหน้าที่ เป็นมืออาชีพเต็มร้อย เป็นผู้บริหารองค์กร เจ้าของกิจการ อิชิตัน และอื่นๆอีกมากมาย ถึงแม้ว่าในอดีตเขาจะเป็นเจ้าของโออิชิ ชาเขียว หรือร้านอาหาร
แต่เมื่อเขาวางมือ เปลี่ยนมาทำอิชิตัน ผู้บริโภคที่จงรักภักดีต่อเขา ก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย เขาเป็นผู้นำที่มีลักษณะดูแล ห่วงใยแบรนด์ของตน จนถึงพนักงาน โรงงานของเขา จากเหตุการณ์ร้ายๆอย่างอุทกภัยที่ผ่านมา ทำให้เขาเป็นผู้นำที่น่าชื่นชม เป็นกับตันที่ไม่ทิ้งเรือ อยู่กับน้ำท่วมโรงงานของเขา จนนาทีสุดท้ายทั้งน้ำตา และเหตุการณ์นั้น ทำให้ประชาชนรู้ว่าถึงแม้เขาจะเดือดร้อน เขาก็ยังคงทำความดีบริจาคน้ำ สิ่งของรับผิดชอบต่อสังคม ไม่เคยทอดทิ้งคนที่รักเขา รักแบรนด์ของเขา และเขาก็เป็นผู้นำคนหนึ่งที่น่าติดตาม น่ายกย่อง เอาเป็นแบบอย่างอีกต่อๆไป
ตัน ภาสกรนที เป็นนักธุรกิจ ผู้ก่อตั้งบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยต่อมา เขาขายหุ้นใหญ่ของ บมจ.โออิชิกรุ๊ป ที่มีอยู่ให้กับบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) และลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บมจ.โออิชิกรุ๊ป แล้วไปก่อตั้งบริษัท ไม่ตัน จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด) ระยะหลังเป็นที่รู้จัก ในสถานะผู้ร่วมกิจกรรมธุรกิจ และเพื่อนสนิทต่างวัยกับอุดม แต้พานิช นักแสดงตลกชื่อดัง
ตัน ภาสกรนที เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2502 ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีฐานะปานกลาง โดยบิดาของเขาอพยพมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และตั้งรกรากที่จังหวัดชลบุรี ตันจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 และเริ่มทำงานแรกเป็นพนักงานแบกของ ซึ่งมีค่าแรง 700 บาท และหันมาเป็นเจ้าของแผงหนังสือที่ชลบุรี และเริ่มต้นขยายกิจการไปซื้อห้องแถว จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2542 ตันเริ่มต้นธุรกิจภัตตาคารบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ “โออิชิ” และขยายมาทำธุรกิจเครื่องดื่ม คือชาเขียวโออิชิ และน้ำผลไม้ อะมิโน โอเค โดยที่กลุ่มธุรกิจนี้ของเขา ประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่นๆ อย่างสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานเป็นต้น
ชีวิตของ "ตัน ภาสกรนที" เริ่มต้นไม่ได้สวยหรูนัก เขาเกิดจากครอบครัวที่มีฐานะธรรมดาๆ และได้เริ่มชีวิตการทำงานด้วยการเป็นพนักงานแบกของ ก่อนจะเป็นพ่อค้าขายหนังสือ จนมีเงินเก็บสามารถซื้อห้องแถวเล็กๆ ได้ และต่อมาได้ขยับขยายจนกลายเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
จากนั้น "ตัน" ก็ได้รู้จักกับ "อิง สุนิสา สุขพันธ์ถาวร" เด็กสาวชลบุรีที่มีอายุห่างจากเขาถึง 11 ปี และเกิดความประทับใจกัน แต่ทว่าการคบหาของทั้งคู่กลับถูกกีดกันจากพ่อแม่ของฝ่ายหญิง ถึงกระนั้นพวกเขาก็แอบคบหาติดต่อกันมาโดยตลอด จนในที่สุด "ตัน" ตัดสินใจเข้าไปขอ "อิง" จากพ่อของเธอ แต่ไม่ได้รับการอนุญาต ถึงขนาดที่พ่อของ "อิง" ประกาศกร้าวว่า "หากจะแต่งงานกันต้องข้ามศพพ่อไปก่อน"
จนเมื่อพ่อของ "อิง" เสียชีวิต แม่ของ "อิง" ก็ยังคงยึดเจตนารมณ์ของ "พ่อ" ที่จะกีดกันความรักของทั้งคู่ต่อไป แต่แล้วเหตุการณ์กลับเปลี่ยนแปลง เมื่อแม่ของอิงประสบอุบัติเหตุ ทำให้ฉุกคิดได้ว่า หากตัวเองเป็นอะไรไป ลูกๆ จะไม่มีคนดูแล ดังนั้นแม่จึงอนุญาตให้ "อิง" แต่งงานกับ "ตัน" ได้ ทว่าเป็น "ตัน" เองที่กลับปฏิเสธ และขอเลื่อนงานแต่งงานออกไป เนื่องจากในช่วงนั้น "ตัน" ได้กลายเป็นบุคคลล้มละลาย และมีหนี้สินติดตัวกว่า 100 ล้านบาท จากการลงทุนทางธุรกิจ ด้วยความรักที่มีต่อ "อิง" ทำให้ "ตัน" ไม่ต้องการเห็นว่าที่ภรรยาต้องมาตกระกำลำบากไปกับเขาด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ "ตัน" จะมีหนี้สินกว่า 100 ล้านบาท "อิง" ก็ไม่ได้ทอดทิ้ง หรือเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อ "ตัน" ไปแต่อย่างใด เธอและ "ตัน" ได้เริ่มต้นทำธุรกิจเวดดิ้งถ่ายรูปแต่งงาน เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งความแปลกใหม่ของธุรกิจเวดดิ้งก็ทำให้พวกเขาสามารถหาเงินมาใช้หนี้กว่า 100 ล้านได้หมดภายใน 2 ปี จนในที่สุดพวกเขาก็ได้แต่งงานกันตามปรารถนา หลังจากผ่านพ้นมรสุมในชีวิตมาอย่างมากมาย และเริ่มคิดทำธุรกิจอาหารญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ "โออิชิ" ซึ่ง ณ ปัจจุบันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ผ่านพ้นเรื่องราวของการงาน และธุรกิจไป เหตุการณ์ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสดใส "ตัน" และ "อิง" จึงเริ่มวาดฝันที่จะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น โดย "อิง" คิดจะมีทายาทตัวน้อยๆ 5-6 คน ให้ได้ก่อนอายุ 35 ปี แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนมีลูกยาก และฮอร์โมนผิดปกติ ทำให้เธอตัดสินใจทำกิ๊ฟท์ ซึ่งนั่นทำให้ "อิง" ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อเจาะน้ำออกจากร่างกาย และฉีดยาทุกๆ วัน จนในที่สุดหนึ่งปีผ่านไป พวกเขาก็ได้ลูกชาย ชื่อ "น้องเก็ท" สมใจ
และด้วยความที่ "ตัน" และ "อิง" อยากมีลูกหลายๆ คน "อิง" จึงตัดสินใจพึ่งกระบวนการทางการแพทย์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะ "อิง" กลับแท้งลูก แต่พวกเขาก็ไม่ล้มเลิกความพยายาม "อิง" ได้ลองทำกิ๊ฟท์อีกครั้ง และผลก็คือ "อิง" แท้งลูกอีกเป็นหนที่สอง และหนที่สามตามมา
"ตัน" และ "อิง" ยังคงไม่ยอมแพ้ เดินหน้าทำกิ๊ฟท์มาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดพวกเขาก็มาประสบความในครั้งที่ 7 เมื่อ "อิง" ตั้งครรภ์แฝด 3 แต่ครั้งนี้ "ตัน" ต้องการให้ "อิง" นอนพักที่โรงพยาบาลเท่านั้น เขาจึงเนรมิตโรงพยาบาลให้กลายเป็นบ้าน และที่ทำงานตลอดระยะเวลากว่า 10 เดือน เพื่อดูแลภรรยาและลูกในครรภ์ให้ดีที่สุด แต่สุดท้าย "อิง" ก็ต้องเสียลูกในครรภ์ไป 2 คน เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ "น้องใกล้ใกล้" ที่คลอดออกมาได้สำเร็จ นั่นทำให้ "อิง" ตัดสินใจได้ว่า จะมีลูกเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น และจะเลี้ยงดูพวกเขาให้ดีที่สุด สมกับความยากลำบากที่กว่าจะได้ลูกมา
และนี่คือเรื่องราวชีวิตที่ต้องฟันฝ่า ทั้งเรื่องธุรกิจ และเรื่องครอบครัวของ "ตัน ภาสกรนที" ที่กว่าจะมาเป็น "เจ้าพ่อโออิชิ" และมีครอบครัวที่อบอุ่นน่าอิจฉาดังเช่นทุกวันนี้ เขาและภรรยาต้องเผชิญกับอุปสรรคมานานัปการ เชื่อว่าเรื่องราวของ "ตัน ภาสกรนที" คงให้ข้อคิด และเป็นกำลังใจให้แก่คนที่ต้องต่อสู้ชีวิตอยู่ ได้เป็นอย่างดี
แต่เมื่อเขาวางมือ เปลี่ยนมาทำอิชิตัน ผู้บริโภคที่จงรักภักดีต่อเขา ก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย เขาเป็นผู้นำที่มีลักษณะดูแล ห่วงใยแบรนด์ของตน จนถึงพนักงาน โรงงานของเขา จากเหตุการณ์ร้ายๆอย่างอุทกภัยที่ผ่านมา ทำให้เขาเป็นผู้นำที่น่าชื่นชม เป็นกับตันที่ไม่ทิ้งเรือ อยู่กับน้ำท่วมโรงงานของเขา จนนาทีสุดท้ายทั้งน้ำตา และเหตุการณ์นั้น ทำให้ประชาชนรู้ว่าถึงแม้เขาจะเดือดร้อน เขาก็ยังคงทำความดีบริจาคน้ำ สิ่งของรับผิดชอบต่อสังคม ไม่เคยทอดทิ้งคนที่รักเขา รักแบรนด์ของเขา และเขาก็เป็นผู้นำคนหนึ่งที่น่าติดตาม น่ายกย่อง เอาเป็นแบบอย่างอีกต่อๆไป
ตัน ภาสกรนที เป็นนักธุรกิจ ผู้ก่อตั้งบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยต่อมา เขาขายหุ้นใหญ่ของ บมจ.โออิชิกรุ๊ป ที่มีอยู่ให้กับบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน) และลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บมจ.โออิชิกรุ๊ป แล้วไปก่อตั้งบริษัท ไม่ตัน จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด) ระยะหลังเป็นที่รู้จัก ในสถานะผู้ร่วมกิจกรรมธุรกิจ และเพื่อนสนิทต่างวัยกับอุดม แต้พานิช นักแสดงตลกชื่อดัง
ตัน ภาสกรนที เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2502 ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีฐานะปานกลาง โดยบิดาของเขาอพยพมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และตั้งรกรากที่จังหวัดชลบุรี ตันจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 และเริ่มทำงานแรกเป็นพนักงานแบกของ ซึ่งมีค่าแรง 700 บาท และหันมาเป็นเจ้าของแผงหนังสือที่ชลบุรี และเริ่มต้นขยายกิจการไปซื้อห้องแถว จนกลายเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2542 ตันเริ่มต้นธุรกิจภัตตาคารบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ “โออิชิ” และขยายมาทำธุรกิจเครื่องดื่ม คือชาเขียวโออิชิ และน้ำผลไม้ อะมิโน โอเค โดยที่กลุ่มธุรกิจนี้ของเขา ประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่นๆ อย่างสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานเป็นต้น
ชีวิตของ "ตัน ภาสกรนที" เริ่มต้นไม่ได้สวยหรูนัก เขาเกิดจากครอบครัวที่มีฐานะธรรมดาๆ และได้เริ่มชีวิตการทำงานด้วยการเป็นพนักงานแบกของ ก่อนจะเป็นพ่อค้าขายหนังสือ จนมีเงินเก็บสามารถซื้อห้องแถวเล็กๆ ได้ และต่อมาได้ขยับขยายจนกลายเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
จากนั้น "ตัน" ก็ได้รู้จักกับ "อิง สุนิสา สุขพันธ์ถาวร" เด็กสาวชลบุรีที่มีอายุห่างจากเขาถึง 11 ปี และเกิดความประทับใจกัน แต่ทว่าการคบหาของทั้งคู่กลับถูกกีดกันจากพ่อแม่ของฝ่ายหญิง ถึงกระนั้นพวกเขาก็แอบคบหาติดต่อกันมาโดยตลอด จนในที่สุด "ตัน" ตัดสินใจเข้าไปขอ "อิง" จากพ่อของเธอ แต่ไม่ได้รับการอนุญาต ถึงขนาดที่พ่อของ "อิง" ประกาศกร้าวว่า "หากจะแต่งงานกันต้องข้ามศพพ่อไปก่อน"
จนเมื่อพ่อของ "อิง" เสียชีวิต แม่ของ "อิง" ก็ยังคงยึดเจตนารมณ์ของ "พ่อ" ที่จะกีดกันความรักของทั้งคู่ต่อไป แต่แล้วเหตุการณ์กลับเปลี่ยนแปลง เมื่อแม่ของอิงประสบอุบัติเหตุ ทำให้ฉุกคิดได้ว่า หากตัวเองเป็นอะไรไป ลูกๆ จะไม่มีคนดูแล ดังนั้นแม่จึงอนุญาตให้ "อิง" แต่งงานกับ "ตัน" ได้ ทว่าเป็น "ตัน" เองที่กลับปฏิเสธ และขอเลื่อนงานแต่งงานออกไป เนื่องจากในช่วงนั้น "ตัน" ได้กลายเป็นบุคคลล้มละลาย และมีหนี้สินติดตัวกว่า 100 ล้านบาท จากการลงทุนทางธุรกิจ ด้วยความรักที่มีต่อ "อิง" ทำให้ "ตัน" ไม่ต้องการเห็นว่าที่ภรรยาต้องมาตกระกำลำบากไปกับเขาด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ "ตัน" จะมีหนี้สินกว่า 100 ล้านบาท "อิง" ก็ไม่ได้ทอดทิ้ง หรือเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อ "ตัน" ไปแต่อย่างใด เธอและ "ตัน" ได้เริ่มต้นทำธุรกิจเวดดิ้งถ่ายรูปแต่งงาน เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งความแปลกใหม่ของธุรกิจเวดดิ้งก็ทำให้พวกเขาสามารถหาเงินมาใช้หนี้กว่า 100 ล้านได้หมดภายใน 2 ปี จนในที่สุดพวกเขาก็ได้แต่งงานกันตามปรารถนา หลังจากผ่านพ้นมรสุมในชีวิตมาอย่างมากมาย และเริ่มคิดทำธุรกิจอาหารญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ "โออิชิ" ซึ่ง ณ ปัจจุบันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ผ่านพ้นเรื่องราวของการงาน และธุรกิจไป เหตุการณ์ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสดใส "ตัน" และ "อิง" จึงเริ่มวาดฝันที่จะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น โดย "อิง" คิดจะมีทายาทตัวน้อยๆ 5-6 คน ให้ได้ก่อนอายุ 35 ปี แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนมีลูกยาก และฮอร์โมนผิดปกติ ทำให้เธอตัดสินใจทำกิ๊ฟท์ ซึ่งนั่นทำให้ "อิง" ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อเจาะน้ำออกจากร่างกาย และฉีดยาทุกๆ วัน จนในที่สุดหนึ่งปีผ่านไป พวกเขาก็ได้ลูกชาย ชื่อ "น้องเก็ท" สมใจ
และด้วยความที่ "ตัน" และ "อิง" อยากมีลูกหลายๆ คน "อิง" จึงตัดสินใจพึ่งกระบวนการทางการแพทย์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะ "อิง" กลับแท้งลูก แต่พวกเขาก็ไม่ล้มเลิกความพยายาม "อิง" ได้ลองทำกิ๊ฟท์อีกครั้ง และผลก็คือ "อิง" แท้งลูกอีกเป็นหนที่สอง และหนที่สามตามมา
"ตัน" และ "อิง" ยังคงไม่ยอมแพ้ เดินหน้าทำกิ๊ฟท์มาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดพวกเขาก็มาประสบความในครั้งที่ 7 เมื่อ "อิง" ตั้งครรภ์แฝด 3 แต่ครั้งนี้ "ตัน" ต้องการให้ "อิง" นอนพักที่โรงพยาบาลเท่านั้น เขาจึงเนรมิตโรงพยาบาลให้กลายเป็นบ้าน และที่ทำงานตลอดระยะเวลากว่า 10 เดือน เพื่อดูแลภรรยาและลูกในครรภ์ให้ดีที่สุด แต่สุดท้าย "อิง" ก็ต้องเสียลูกในครรภ์ไป 2 คน เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ "น้องใกล้ใกล้" ที่คลอดออกมาได้สำเร็จ นั่นทำให้ "อิง" ตัดสินใจได้ว่า จะมีลูกเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น และจะเลี้ยงดูพวกเขาให้ดีที่สุด สมกับความยากลำบากที่กว่าจะได้ลูกมา
และนี่คือเรื่องราวชีวิตที่ต้องฟันฝ่า ทั้งเรื่องธุรกิจ และเรื่องครอบครัวของ "ตัน ภาสกรนที" ที่กว่าจะมาเป็น "เจ้าพ่อโออิชิ" และมีครอบครัวที่อบอุ่นน่าอิจฉาดังเช่นทุกวันนี้ เขาและภรรยาต้องเผชิญกับอุปสรรคมานานัปการ เชื่อว่าเรื่องราวของ "ตัน ภาสกรนที" คงให้ข้อคิด และเป็นกำลังใจให้แก่คนที่ต้องต่อสู้ชีวิตอยู่ ได้เป็นอย่างดี